รีวิว Vesper เวสเปอร์ ฝ่าโลกเหนือโลก (2022)
Vesper เวสเปอร์ ฝ่าโลกเหนือโลก ภาพยนตร์แนว Sci-Fi สไตล์ไอโบพังค์ จากผลงานการกำกับของ คริสตินา บูโอซีเท และทีมนักแสดงอย่าง ราฟฟิเอลลา แชปแมน, เอ็ดดี มาร์ซาน, และ โรซี แมคอีเวน ที่จะพาคุณมาพบกับเล่าเรื่องราวการออกเดินทางของหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อกอบกู้โลกจากภัยคุกคามของไวรัสชีวภาพ หลังจากการล่มสลายของโลก ที่ถูกเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้สภาพอากาศและภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เธอจึงต้องออกเดินทางเพื่อหาวิธีการให้โลกกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เวสเปอร์ ฝ่าโลกเหนือโลก เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ระบบนิเวศของโลกถูกทำลาย ที่นำเสนอผ่าน เวสเปอร์ (แสดงโดย ราฟฟิเอลลา แชปแมน) เด็กสาววัยเพียง 13 ปี ที่ต้องใช้ทักษะการเอาตัวรอดในโลกแปลกประหลาดและเปลี่ยนแปลกไปอย่างสิ้นเชิง แถมยังต้องดูแลพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาตอย่าง ดาเรียส (แสดงโดย ริชาร์ด เบรค) เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดในเศษซากโลกแห่งนี้
จนกระทั่งได้พบคามิเลีย (แสดงโดยโรซี แมคอีแวน) หญิงสาวลึกลับที่อ้างตัวว่ารอดชีวิตจากเหตุยานบินตก เธอตกลงที่จะช่วยเวสเปอร์ไปยัง ซิทาเดล ที่เป็นที่ตั้งอยู่ใจกลางโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ ซึ่งได้พบว่าภายในสถานที่แห่งนี้เองกลับมาผู้มีอำนาจสูงปฏิวัติอาศัยอยู่อย่างสบายด้วยระบบเทคโนโลยีใหม่ และปล่อยให้คนภายนอกต้องหาทางเอาตัวรอดกันเอง
แถมยังรู้ความจริงว่า คามิเลีย ถูกตามล่าโดย โจนาส (แสดงโดย เอ็ดดี้ มาร์ซาน) ทีต้องการใช้ความสามารถของเธอเพื่อเป็นประตูไปสู่ความลับที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาได้ เธอจึงต้องคอมปกป้องเพื่อนซี๊หน้าใหม่คนนี้กับภัยสุดอันตรายต่างๆ และใช้ความสามารถแฮ็กเซลล์สิ่งมีชีวิตเพื่อเป็นกุญแจปลดล็อกอนาคตในอีกรูปแบบหนึ่ง
นี่คือหนังไซไฟสุดล้ำที่พล็อตเรื่องอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ไปมากจากเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่มาในสไตล์ไบโอพังค์ ที่ผู้ชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศโลกที่สูญสลายไปแล้ว จนถูกปลกคลุมไปด้วยสิ่งมีชีวิตพิศวงที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้จากเรื่องนี้ ทั้งบรรยากาศ ทิวทัศน์ที่ชวนให้เราไปสัมผัสกับโลกใบเดิม แต่เต็มไปด้วยปริศนามากมายแบบนี้ก็ชวนทำให้เราสามารถดูได้เรื่อยๆ จนจบแบบไม่น่าเบื่อเลยทีเดียว
ความสิ้นหวังที่มาพร้อมกับวันสิ้นโลก ที่แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่เลย แต่ก็ดันเกิดสิ่งใหม่มาแทน เราจะได้เห็นพืชพรรณต่างๆ ที่ยีนส์พันธุกรรมของพวกมันเปลี่ยนไป ซึ่งชื่นชมว่างานภาพและซีจีต่างๆ ทำออกมาได้สมูทและสมจริงมากๆ ฉากต่างๆ ดูเนียนและไม่ลอย ดูแล้วให้อารมณ์เหมือนเราได้เข้าไปอยู่กับตัวละครในสถานที่นั้นจริงๆ ซึ่งดีมากทีเดียว
ด้านพล็อตเรื่องก็ทำออกมาได้น่าสนใจ แต่ผิดหวังในการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างช้า จนทำให้คนดูอาจรู้สึกเบื่อได้บางช่วง แต่ยังดีที่เราก็จะได้เห็นฉากความอลังการของโลกใบใหม่ที่ว่างเปล่า ก็ช่วยทำให้แต่ละฉากต่อกันได้อย่างไม่รู้สึกดูแล้วชวนง่วงไปสักทีเดียว โดยเฉพาะฉากการไล่ลาที่ทำให้คนดูได้ลุ้นแบบติดๆ หรืออย่างฉากดราม่าก็เรียกน้ำตาได้เหมือนกัน จนทำให้การดำเนินเรื่องไม่ได้เป็นเส้นตรงจนน่าเบื่อเกินไปนั่นเอง
โดยรวมแล้ว Vesper เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่มีธีมการเล่าเรื่องราวที่ถือว่าน่าสนใจ โลกทัศน์ที่แปลกใหม่ ฉากแอ็คชันและงานภาพซีจีที่ดีมากๆ จนคนดูอินได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบแนวไซไฟอยู่แล้วต้องถูกใจแน่ๆ เราจะได้เห็นฉากการเปลี่ยนแปลงของโลก ภัยคุกคามของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เนื้อเรื่องและเป้าหมายสุดท้ายที่สนุกเข้มข้นแน่นอน